อว.ขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win เสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจราก ณ จังหวัดนครราชสีมา โดย วช. นำนวัตกรรมโคขุนครบวงจร และการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดPM2.5 ในพื้นที่จ.นครราชสีมา ร่วมนำเสนอ
วันที่ 15 ธันวาคม 2568 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามการขับเคลื่อนงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก
โดย ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. ผู้บริหารจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ติดตามการขับเคลื่อน อววน. โดย วช.ประกอบด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร วช. ร่วมติดตามการขับเคลื่อน อววน. ในพื้นที่ ณ วัดบ้านหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ มีศักยภาพโดดเด่นด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เป็น “ประตูสู่ภาคอีสาน” ที่พร้อมต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน กระทรวง อว. ได้ขับเคลื่อนนโยบาย Quick Win ภายใน 2 เดือน ครอบคลุม 5 ด้านหลัก มุ่งเน้นการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในระดับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ไปกับการพัฒนา
โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ร่วมจัดนิทรรศการ และจุดบริการประชาชน ดังนี้
- นิทรรศการผลงาน: การเพิ่มขีดความสามารถในการเลี้ยงโคขุนให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและสุรินทร์ (ได้รับทุน KM เครือข่ายวิจัยภูมิภาค ปีงบประมาณ 2568 : เครือข่ายวิจัยภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไกรสิทธิ วสุเพ็ญ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน หัวหน้าโครงการ และคณะทีมนักวิจัย
- นิทรรศการผลงาน: ผลิตภัณฑ์กระถางย่อยสลายได้จากใบอ้อยและยอดอ้อยในชุมชนห้วยบง เพื่อเพิ่มรายได้และส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (ได้รับทุน KM ปีงบประมาณ 2568) โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เกียรติสุดา สมนา จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน หัวหน้าโครงการ และคณะทีมนักวิจัย
วช. เชื่อมั่นว่า การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่และประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน
